barberbomb” คนที่ให้คำนิยามกับการตัดผมว่า “ตัดผมคือศิลปะ”

“WORK IS LIFE LIFE IS WORK”  กางเกง DICKIES ที่สะท้อนผ่านอาชีพ
เชื่อได้เลยว่าคงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สาวก DICKIES คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
“Barberbomb” คนที่ให้คำนิยามกับการตัดผมว่า “ตัดผมคือศิลปะ”
เรามาทำความรู้จัก “Barberbomb” มากขึ้นกันเลย

เล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ?
“ผมเป็นคนกรุงเทพ คุณพ่อเป็นคนอยุธยา แต่อยู่กรุงเทพส่วนใหญ่ เกิดที่กรุงเทพครับ ตอนนี้ 36 แล้วครับ”
ก่อนจะมาเป็นช่างตัดผมทำอะไรมาบ้าง ?
“ตอนแรกที่ก่อนมาเป็นช่าง ก็ทำมาหลายอาชีพ เป็นบาร์เทรนเดอร์ด้วย เป็นบาร์เทรนเดอร์มา 4 ปี แต่รู้สึกว่าพอทำสายอาชีพกลาง
คืนแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะอาจจะเป็นเพราะเบื่อด้วยแหละมั้งครับ แล้วรู้สึกว่ามันไปไม่ได้ไกล เพราะเป็นบาร์เทรนเดอร์ถ้าไป
ได้ไกลๆต้องไปเป็นในโรงแรม หรือ บนเรือไรเงี้ย เรารู้สึกว่าไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้น ก็เลยอยากมาเป็นช่างตัดผม แค่อยากอย่างเดียว
เลยนะครับ ”

จุดเริ่มต้นของการเป็นช่างตัดผม ?
“จริงๆพื้นฐานเลยชอบฟังเพลงฮิปฮอป ชอบพี่เวย์มากเลย พี่เวย์ Thaitanium ตอนนั้นพี่เวย์เปิดร้านตัดผม Never Say Cutz ที่สยาม
และก็ที่ทองหล่อ เราก็เลยรู้สึกว่า เห้ย..เท่ห์มากเลย ทำยังไงก็ได้ให้ไปอยู่กับเขา เป็นความฝันไกลๆเลยนะ แล้วเราจะไปทำอะไรถึง
จะไปเข้าไปทำงานกับเขาได้ ด้วยความหน้าด้านของผม ผมไปถามว่าอยากเป็นช่างตัดผมต้องทำยังไง เขาถามว่า “ตัดผมเป็นหรอ”
ผมบอกว่า “ผมตัดได้” ตัดได้กับตัดเป็นมันไม่เหมือนกันเลยนะ แต่เราหน้าด้านไง คิดว่าเท่ห์มากเลยตอนนั้น แต่ผมก็ใช้ความกล้า
ถามเลยอะ เขาก็บอกให้ทิ้งเบอร์ไว้ สักพัก 2 อาทิตย์โทรกลับมาหาผม แต่แม่บ้านเอาเบอร์ผมทิ้งลงถังขยะ แล้วผู้จัดการร้านต้องไป
คุ้ยขยะขึ้นมาเพื่อเอาเบอร์โทรศัพท์ผมอะ พอตามผมมาก็ได้เจอกับพี่นานา แล้วก็ไปคุยกับพี่เวย์อีกทีนึง แต่ต้องขอบคุณพี่เวย์ พี่
นานาด้วยที่ให้โอกาสผม

พี่เวย์ให้โอกาสให้ผมได้ฝึกเป็นช่าง ตอนนั้นจ่ายไป สามหมื่นกว่าบาทเพื่อให้ผมเรียนแต่เขาให้ผมผ่อนได้
ด้วยเดือนละสามพันบาท จนครบ ตอนนั้นค่าเรียนประมาณสามหมื่นห้า เลยได้มาเป็นช่างตัดผมเต็มตัวจาก Never Say Cutz ครับ
และก็ทำงาน Never Say Cutz มา 4 ปี ก็ตัดสินใจลาออก มาทำเองก็เพราะว่า อันดับแรกเลย เราอยากโตไปกับอาชีพนี้ อยากมีเงิน
เลี้ยงครอบครัว ทุกๆอย่างมันต้องใช้เงิน ก็พูดตรงๆก็เลยลาออก แล้วก็บอกกับพี่เขาตรงๆ ว่าขอลาออกไปลองเปิดร้านดู แล้วก็ไปทำ
ร้านที่ อโศก ชื่อร้าน 9 Limit Cut กับเพื่อนในร้านอีก 4 คน

ร้านตัดผมที่แรกทำคือที่ไหน ?
“9limit cut อโศก“( https://www.facebook.com/9limit-cut-788626254520645/ )
มีหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คน เป็นช่างจาก Never Say Cutz ทั้งหมดร้านอยู่รถไฟฟ้าใต้ดินสุขุมวิท อย่างที่ผมบอกทำงานมา4ปี ทุกคนมี
ลูกค้าประจำพอสมควร ก็โชคดีตรงที่เรามีฐานลูกค้าเก่าจาก Never Say Cutz ด้วยต้องขอบคุณครับ ถ้าผมออกสื่อผมก็จะบอกตลอด
ว่า Never Say Cutz มีพระคุณต่อผม ”

ร้านตัดผมแต่ละร้านมีคอนเซป เหมือนกันหรือต่างกันไหม ?
“ผมรู้สึกว่า มันเป็นศาสตร์ Life Style Never Say Cutz คือการฟังเพลง แฟชั่นการแต่งตัวแนวฮิปฮอป ส่วนใหญ่ก็จากอเมริกาเลย
เพลงเราก็ฟังจากอินเทอร์เน็ตฟังผ่านแอพต่างๆ เป็นเพลงฮิปฮอปทั้งหมด ลูกค้าที่มาก็จะติดภาพ ฮิปฮอป แต่ว่าสไตล์การแต่งร้าน
ของผมก็มีภาพแบบนั้นอยู่บ้างแต่ว่าไม่มาก จะออกสไตล์ลลอฟๆหน่อย เทาๆคุมโทน พื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้อะไรแบบนี้ ก็จะ
เป็นคนละอารมณ์ กับร้านNever Say Cutz ที่นี่บรรยากาศจะดูสบายๆกว่า”

ให้นิยามอย่างไรกับคำว่า “ตัดผมคือศิลปะ” ?
“อันนี้คือผมคิดเอง ว่าการทำงานทุกอย่างในโลกด้วยมือ ผมคิดว่ามันคือศิลปะหมด โดยเฉพาะการตัดผมอะมันจะตัดลวกๆไม่ได้
อย่างที่ผมบอกใครๆก็ตัดผมได้ แต่ตัดยังไงให้สวย มันยากมาก แล้วทำยังไงให้ลูกค้าชอบ การตัดผมไม่มีแบบแผนตายตัว ไม่มีใคร
ตัดเก่งที่สุด มันไม่ใช่การวิ่งแข่ง มันเลยไม่มีที่ 1 2 3 เพราะฉะนั้นลูกค้าคือคำตอบสำหรับผม เพราะการที่เค้ากลับมาใช้บริการ ตัดผม
กับเราอีก สำหรับผมก็ถือว่าผมทำงานสำเร็จแล้ว ”

เสน่ห์ของช่างตัดผมคืออะไร ?
“เสน่ห์มันอยู่ที่การได้เจอลูกค้าที่หลากหลาย ลูกค้าที่ในชีวิตประจำวันเราอาจจะไม่ได้เจอ เช่น คุณหมอ นักธุรกิจดังๆ หลายอาชีพ
มากที่เราไม่มีโอกาสเดินเจอและได้คุยกับเขาใน1 ชั่วโมงของการตัดผม ผมว่ามันมีค่ามาก การคุยกับลูกค้า มันเหมือนเป็นเฟรนชิพ
เหมือนเป็นคอนเนคชั่น มันเป็นหลายๆอย่าง ได้คุยกับตากล้อง นักดนตรี พิธีกร ดารา นักบอล ทุกอาชีพจะมาหาเราหมด แล้วผมคิด
ว่าช่างตัดผมเป็นอาชีพที่สูงด้วย ทำงานบนศีรษะ ซึ่งผู้ชายบางคนก็ไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวเพราะฉะนั้น เราเป็นอาชีพสูงที่สุดที่จะ
ได้ทำ และเขาก็ไว้ใจเรามาก ที่จะทำให้เขามั่นใจในทุกๆวัน ของการใช้ชีวิตของเขา ผมว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากนะ”

ความท้าทายของอาชีพช่างตัดผมคืออะไร ?
“อันดับแรกเราจะทำยังไงให้ลูกค้าประทับใจอันนั้นคือยากที่สุด สมมติถ้าวันนี้พี่มาตัดผมกับผมแล้วพี่ไม่ชอบ พี่ก็จะไม่มาตัดผมกับ
ผมอีก เพราะฉะนั้นครั้งแรกสำคัญที่สุด ทำยังไงก็ได้ ทำทุกอย่าง ดึงความสามารถในเรื่องตัดผมทุกอย่างออกมา ต้องใส่ให้หมดเลย
จริงๆผมว่าการตัดผมไม่ใช่แค่การตัดผมนะ บางทีลูกค้ามา เขามาแค่เสพผลงานเรา มาเสพ Life Style ของช่างโดยเฉพาะการตัด
การแต่งตัว ลูกค้าก็อยากจะมาเจอเรา ไม่ใช่แค่เพราะผมตัดผมเก่ง”

Life Style การแต่งตัวเป็นยังไง ?
“ถ้าเป็นตอนแรกที่ผมเริ่มแต่งเลยก็น่าจะเป็นแนวฮิปฮอป เพราะทำงานที่ Never Say Cutz แต่ตอนนี้ผมชอบ Classic StreetWear
เพราะว่ามันใส่ได้ตลอดไม่หวือหวาแต่ก็ดูดี ส่วนแบรนด์ DICKIES ผมก็ใส่มาตลอดอยู่แล้ว สำหรับผมในเรื่องการแต่งตัวนั้นต้องเป็น
เสื้อผ้าที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำ ไม่ได้ดูเวอร์เกินไป แล้วเอาที่เหมาะกับอากาศบ้านเราด้วยครับ

วางเป้าหมายความสำเร็จไว้ว่ายังไง ?
“ผมเคยคิดนะว่าความสำเร็จในอาชีพตัดผมคืออะไร แต่การที่มีลูกค้าประจำก็คือความสำเร็จของผมแล้วแหละ การที่มีลูกค้าประจำ
มาตัดผมกับเราเป็นปีๆตั้งแต่ตอนที่มเริ่มเป็นช่างที่ Never Say Cutz จนมาวันนี้ก็ยังมีลูกค้าที่มาตัดกับผมอยู่ เป็น 10 ปีแล้ว นั่นก็คือ
ความสำเร็จของผมแล้วครับ ผมไม่คิดว่าผมต้องไปอยู่ต่างประเทศสำหรับผมผมว่ามันไกลตัวผม มันดูยากเกินไป สำหรับช่างตัดผม
ไทย ถ้าไม่มีคนผลักดันมันก็จะยากมาก แต่ความสำเร็จของผมในที่นี้คือการเลี้ยงดูครอบครัวได้ จริงๆเงินมันก็สำคัญนะ เราจึงต้องมี
รายได้ที่เหมาะสมพอที่จะสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ถ้าเทียบเป็นตัวเงิน แต่ก่อนทำงานทั้งวันได้แค่ 350-400 บาท บางวันทำงาน
ทั้งคืนยังได้ไม่ถึงเลย แต่วันนี้ผมทำงานชั่วโมงเดียวผมได้ค่าตอบแทนตามราคาที่ร้านเราตั้งไว้ ซึ่งผมมองว่ามันมากพอสมควรแล้ว
สำหรับผม

“ผมว่ามันก็สำเร็จแล้วนะ สำเร็จเกินเป้าหมายของผมตามที่ตั้งไว้มากพอสมควรแล้ว จากนี้ไปคือกำไรแล้วครับ ทำงานของเราในทุกๆ
วันให้ดีที่สุด ”

และต้องขอขอบคุณ Barberbomb ที่มาแบ่งปันความคิด Life Style กับพวกเรา ถ้าใครที่อยากได้มากกว่าการตัดผมแนะนำที่นี่เลย
Barberbom Barbershop